สำหรับกรณีที่เคยป่วยด้วยโรคร้ายแรงมาก่อน และได้ทำการรักษาจนหายดีแล้ว ทางบริษัทประกันจะไม่ตัดสิทธิ์การขอเอาประกันในทันที แต่จะขอประวัติและข้อมูลของโรคและการรักษามาพิจารณา (แถลงประวัติสุขภาพ) โดยอาจสอบถามจากตัวผู้เอาประกันเองโดยตรง หรือขอให้เซ็นต์ใบยินยอมเพื่อให้ทางโรงพยาบาลเปิดเผยประวัติการรักษาให้ทราบ ซึ่งเมื่อทางบริษัทประกันทำการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้ข้อสรุปว่าสามารถทำประกันได้หรือไม่
สิ่งสำคัญที่ผู้เอาประกันพึงรู้ไว้ ก็คือไม่ควรปกปิดสาระสำคัญใดๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพเด็ดขาด เพราะหากทางบริษัทประกันทราบในภายหลัง จะสามารถปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามสัญญาประกันชีวิตได้ทั้งสิ้น รวมถึงมีสิทธิในการบอกล้างสัญญาและปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อีกด้วย
โดยปกติแล้วบริษัทประกันส่วนใหญ่ จะมีหลักเกณฑ์ในการเช็คประวัติสุขภาพของผู้ขอเอาประกันก่อนตกลงทำสัญญาเสมอ ซึ่งจะมีเกณฑ์ระบุไว้ว่ากรณีไหนควรให้ตรวจสุขภาพก่อนเอาประกัน และกรณีไหนที่แค่ซักประวัติก็พอ นั่นก็เพื่อลดขั้นตอนความยุ่งยาก และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขอเอาประกันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ในปัจจุบัน บริษัทประกันส่วนใหญ่ก็ได้มีการสุ่มตรวจสุขภาพเป็นระยะๆ เนื่องจากบางครั้งตัวแทนก็อาจมีความหละหลวมทำให้เกิดการผิดพลาดไปบ้าง จึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อรักษามาตรฐานของการพิจารณารับประกันสุขภาพไว้อยู่เสมอ
การทำประกันอาจตกเป็นโมฆียกรรมได้ ตามมาตรา 865 ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เนื่องจากผู้เอาประกันได้ปกปิดหรือไม่เปิดเผยข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพให้กับบริษัทประกันหรือตัวแทนทราบ ซึ่งข้อมูลที่ปกปิดนั้นอาจจูงใจให้ผู้รับประกันเรียกเก็บเบี้ยประกันสูงขึ้นหรือบอกปัดที่จะไม่ทำสัญญาได้ ให้ถือว่าสัญญาฉบับนี้ตกเป็นโมฆียะ แต่ยังคงใช้ได้สมบูรณ์จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกล้าง และหากทุกวันนี้ยังไม่มีการบอกล้างสัญญาเกิดขึ้น ผู้เอาประกันก็สามารถเคลมประกันภัยได้เหมือนกัน (โมฆียะ คือ นิติกรรมที่สามารถบอกล้างหรือให้สัตยาบันได้ ถ้าบอกล้างก็จะกลายเป็นโมฆะทันที)
“การประกันภัย มาตรา865” : ถ้า ในเวลาทำ สัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัย ก็ดี หรือ ในกรณีประกันชีวิต บุคคลอันการใช้เงิน ย่อมอาศัยความทรงชีพ หรือ มรณะของเขานั้น ก็ดี รู้อยู่แล้ว ละเว้นเสีย ไม่เปิดเผยข้อความจริง ซึ่ง อาจจะได้จูงใจ ผู้รับประกันภัย ให้เรียกเบี้ยประกันภัย สูงขึ้นอีก หรือ ให้บอกปัด ไม่ยอมทำสัญญา หรือว่า รู้อยู่แล้ว แถลงข้อความนั้น เป็นความเท็จไซร้ ท่านว่า สัญญานั้น เป็นโมฆียะ ถ้า มิได้ใช้สิทธิบอกล้าง ภายในกำหนด เดือนหนึ่ง นับแต่ วันที่ผู้รับประกันภัยทราบ มูลอันจะบอกล้างได้ ก็ดี หรือ มิได้ใช้สิทธินั้น ภายในกำหนด ห้าปี นับแต่ วันทำสัญญา ก็ดี ท่านว่า สิทธินั้น เป็นอันระงับสิ้นไป (Update: 20 เมษายน 2554)
ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะมีข้อยกเว้นอย่างชัดเจน ที่จะไม่คุ้มครองปัญหาสุขภาพบางอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละบริษัทประกันก็มักจะมีเงื่อนไขที่คล้ายๆ กัน อย่างไรก็ตามก่อนตกลงทำสัญญาเอาประกัน ตัวแทนก็มักจะสอบถามและซักประวัติจากผู้ขอเอาประกันอยู่แล้ว เพื่อพิจารณาว่าจะเข้าเงื่อนไขที่ไม่คุ้มครองหรือไม่ ซึ่งก็อาจตอบรับหรือปฏิเสธการทำประกันก็ได้ ดังนั้นการทำประกันสุขภาพควรแถลงความจริงให้หมด จะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาบริษัทประกันปฏิเสธความคุ้มครองในภายหลัง โดยมีข้อยกเว้นที่จะไม่คุ้มครองดังนี้
การทำประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต นอกจากผู้ขอเอาประกันจะต้องแถลงเกี่ยวกับประวัติสุขภาพให้ชัดเจนเพื่อผลประโยชน์ของตนเองแล้ว ก็จะต้องทำความเข้าใจกับรายละเอียดของประกันให้ชัดเจนด้วย โดยเฉพาะเงื่อนไขต่างๆ ข้อยกเว้นที่จะไม่คุ้มครองและรายละเอียดของความคุ้มครองที่จะได้รับ และที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกบริษัทประกันและแผนประกันที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อให้ได้รับความคุ้มค่าที่สุดนั่นเอง
หน้าที่เข้าชม | 113,331 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 75,958 ครั้ง |
เปิดร้าน | 21 พ.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ส.ค. 2568 |